บวชต้นไม้ รักษาผืนป่า เครดิตภาพจากhttp://bdkkec.blogspot.com/2018/04/blog-post.html |
ส่วนที่มาของการ “บวชป่า” คือการห่มจีวรให้กับต้นไม้ เช่นเดียวกับการบวชพระ เป็นการยกสถานภาพของคนและต้นไม้ให้สูงขึ้นไป จัดว่าเป็นการนำความศรัทธาทางพุทธศาสนามาใช้ในการดูแลปกป้องป่าต้นน้ำ
ขั้นตอนและวิธีการบวชต้นไม้ มีการทำพิธีเหมือนงานบุญทั่วไป โดยเจ้าของพิธีจะใช้สายสิญจน์ล้อมพื้นที่ที่จะบวชต้นไม้ จากนั้นจะนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวบ้านและต้นไม้ที่จะทำพิธี แล้วเจ้าของพิธีจะนำจีวรที่เตรียมไว้ไปห่มต้นไม้ดังภาพ เป็นอันเสร็จพิธี
ต้นไม้ที่บวชแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าไปทำลายได้ เครดิตภาพจากhttp://bdkkec.blogspot.com/2018/04/blog-post.html |
จากเรื่องการบวชต้นไม้ ก็หวนมานึกถึงเรื่องราวของเจ้าหน้าที่รัฐและพระภิกษุสงฆ์ในยุคนี้ ที่แม้พระคุณเจ้าท่านโดนกล่าวหาในคดี “เงินทอนวัด” ก็เข้าไปจับกุมท่านแล้วก็จับสึก ทำให้ประชาชนข้องใจว่า ทำไมถึงทำกับพระกับเจ้า ผู้เลือกชีวิตของการบวช ไม่มีอาวุธ ไม่มีทางต่อสู้ได้ขนาดนี้
ข้อกล่าวหายังไม่ตัดสิน จะเรียกนักโทษประหารได้อย่างไร? |
กรณีนี้อาศัยอำนาจตาม พรบ.สงฆ์ มาตรา 29 คือ พนักงานสอบสวนใช้อำนาจดำเนินการให้พระภิกษุสละสมณเพศ
สาเหตุที่บัญญัติ มาตรา 29 ก็ด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะปกป้องพระพุทธศาสนา คือ ไม่ต้องการให้มีภาพของพระภิกษุ (ครองจีวร) ถูกจองจำในห้องขัง และกฎหมายก็ได้ให้ทางเลือกไว้แล้ว คือ ให้เจ้าอาวาสนำไปควบคุมไว้ในวัดได้ (หากเป็นกรณีที่เจ้าอาวาสเป็นผู้ถูกดำเนินการ โดยหลักทั่วไปก็เท่ากับว่าเจ้าอาวาสรูปนั้นไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ก็ต้องมีการกำหนดให้พระในลำดับถัดๆ มา ทำหน้าที่เจ้าอาวาสแทนอยู่แล้ว)
ทำไมต้องรีบให้สึก ใส่กำไลเท้าฝากไว้ที่วัดอื่นก่อน จะดีไหม ! |
ดังนั้น ในกรณีนี้ เมื่อพระมหาเถระรูปใดไม่ได้กล่าวคำลาสิกขา ก็ต้องถือว่า แค่เปลี่ยนชุด เท่านั้น
การให้ท่านถอดจีวรออกแล้วนำไปขัง ปฏิบัติต่อท่านเหมือนผู้ต้องโทษทั่วไป นำไปสู่การที่สื่อต่างๆ ป่าวประกาศให้คนทั่วไปรับรู้ว่า ท่านไม่ได้เป็นพระแล้ว ไปจนถึงให้ข่าวกล่าวหาว่า ท่านลักทรัพย์/ เสพเมถุน (ปาราชิก) ทั้งๆที่ยังไม่สิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม เป็นผลให้สังคมตัดสินว่าท่านขาดจากความเป็นพระ หลายคนหมดความเคารพ หลายคนใช้คำที่ไม่เหมาะสมกับท่าน เรียกขานท่านด้วยคำที่ทำร้ายความศรัทธาของชาวพุทธ และหลายคนโพนทะนาว่า พระผิดๆ พระโกงๆ อย่างนี้ถือว่าให้ความเป็นธรรมกับพระตามสมควรแล้วหรือ ???
เร็วไปหรือไม่ที่เราจะตัดสินว่า พระท่านเป็นผู้ร้ายตัวจริง??
ถ้าผลการตัดสินของศาลยุติธรรมปรากฏออกมาว่า พระไม่ผิด ใครจะรับผิดชอบ ???
ถึงเวลาหรือยังที่พระควรได้รับความคุ้มครอง ???
ถึงเวลาหรือยังที่การดำเนินคดีกับพระควรจะต้องใช้วิธีที่แตกต่างจากคนทั่วไป ???
เตือนสติชาวพุทธ ควรปฏิบัติกับพระให้เหมาะสม |
ถ้าหากไม่ขอการละเว้นการตัดไม้ทำลายป่า ด้วยการบวชต้นไม้ ป่านฉะนี้ ไม้คงหมดป่าไปแล้ว ไม่มีป่า น้ำคงท่วมพอๆ กับน้ำตาของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ด้วยจิตที่ไม่มีความเมตตา ขาดความเคารพในพระรัตนตรัย อาชญากรรมต่างๆ ในไทยจึงมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะขาดตัวอย่างของผู้ทรงศีล ทรงธรรม และผู้นำศีลธรรมไปสู่ใจประชาชน
เราเสียพระดีๆ ด้วยลูกไม้น้มาเยอะแล้ว |
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฯ มาตรา 29
การสละสมณเพศเพราะถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญามีได้ 3 กรณี (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่)
ในคดีก่อนที่จำเลยถูกจับกุมในข้อหา มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครอง พนักงานสอบสวนไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และพาจำเลยไปที่วัด บ. เพื่อให้จำเลยสึก แต่จำเลยไม่ยอมสึก และเจ้าอาวาสวัด บ. ก็ไม่ยอมสึกให้ พนักงานสอบสวนจึงพาจำเลยกลับไปที่สถานีตำรวจ และจัดให้จำเลยลาสิกขาบทต่อหน้าพระพุทธรูปที่อยู่บนสถานีตำรวจ ดังนี้
จำเลยย่อมเข้าใจได้ว่า จำเลยยังไม่ขาดจากความเป็นพระภิกษุเนื่องจากจำเลยไม่สมัครใจลาสิกขาบทและการดำเนินการให้จำเลยสละสมณเพศกระทำโดยพลการของเจ้าพนักงานตำรวจ
(ประมวลกฎหมายอาญา ม.208: ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
วัดไม่มีเงินทอนตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน หยุดย่ำยีพระพุทธศาสนา |
(มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
หยุดความคิดร้ายๆ เสียทีเถอะ ก่อนที่เรื่องราวจะใหญ่โตไปกว่านี้ เพราะแรงบาปที่ได้ทำกับพระสงฆ์
ขอให้เราเป็นบุคคลหนึ่งที่ช่วยกันยอยกพระพุทธศาสนา เพื่อให้ศีลธรรมยังดำรงอยู่ ทำให้ใจคนคลายจากความมืดเพราะบาปอกุศล ดีกว่าจะเผลอไผลไปคิดทำลายทำร้ายเพราะความไม่รู้จริงเลย
ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคน จะต้องออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา ให้อยู่คู่บ้านคู่เมืองเพื่อลูกหลานสืบต่อไป |
ที่มา :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น