แชร์ไปได้บุญ

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย!!

     เคยเป็นกันไหม เวลาทำอะไรผิดพลาด ก็มักจะผิดซ้ำๆ แม้ตั้งใจจะทำให้ถูกต้อง แต่ก็ยังพบว่า ผิดอีก..จนได้
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
     ว่าไปแล้ว ในชีวิตของเราเองก็เหมือนกัน เหตุการณ์ หรือการตัดสินใจอะไรบางอย่างในชีวิต ก็มักจะเจอในลักษณะที่ว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”

     อันที่จริง เกิดจากนิสัยของเราที่ทำซ้ำๆ มาจนเราชิน ชินจนชา เมื่อทำแล้วไม่รู้สึกฝืน แม้จะเป็นการทำผิดแต่ก็ไม่ค่อยมีสำนึกผิดในใจ คิดว่า มันเป็นเรื่องปกติ แถมหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองสารพัด เช่น ใครเขาก็ทำกันทั้งนั้น เรายังไม่เป็นพระอรหันต์ ฯลฯ ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมในโลก ว่ากันไป
นิสัยเกิดจากการคิด-พูด-ทำ ซ้ำๆ 
      ตัวอย่างการทำซ้ำในสิ่งที่ดีๆ เช่น ถ้าเรารักการตักบาตร ก็อาจเป็นเพราะเราถูกครอบครัวปลูกฝังกิจกรรมนี้มาตั้งแต่เล็กๆ หรือเห็นผลดีในการตักบาตร เราก็เลยมีแรงจูงใจที่จะทำให้ต่อเนื่อง เรียกว่า หาโอกาสตักบาตรให้บ่อยครั้งที่สุด เห็นพระสงฆ์เดินมาก็ต้องรีบดูแล้วว่า จะเอาอะไรไปใส่บาตรดี

     บางคนชอบนอนตื่นสาย หรือ ทำอะไรก็ “สายเสมอ” ก็เป็นไปได้ที่อาจจะเติบโตมาแบบที่ไม่ต้องเร่งร้อนอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก แต่กระนั้น ก็ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างในสังคม
อย่าทำร้ายผู้ตรงต่อเวลา ด้วยการมาสาย
https://twitter.com/kaguyagi/status/1037928116079882240?s=21

     เห็นมีข่าวการฆ่าตัวตายของดารานักแสดงบ้าง นักร้อง นักธุรกิจ นักศึกษา ฯลฯ อยู่เนืองๆ ทำให้นึกถึงคำพระที่ท่านเคยเทศน์สอนไว้ว่า การฆ่าตัวตายเป็นบาปอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าไปฆ่าผู้อื่นเสียอีก 
ขอบคุณภาพข่าวจาก https://lifestyle.campus-star.com/entertainment/96478.html
     ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ จะเป็นผังที่จะติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ คือ ฆ่าตัวตายชาตินี้ ชาติต่อๆ ไปก็จะต้องไปฆ่าตัวตายอีก เพราะเป็นนิสัยที่ฝังติดตัวไป เกิดมาใหม่ นิสัยท้อแท้ ท้อถอย น้อยความหวัง ก็จะติดไป ทำให้เมื่อเจอเหตุการณ์อะไรในชีวิต ทางออกที่ทำไว้แล้วในชาตินี้ ก็จะเป็นระบบอัตโนมัติที่จะทำให้คิด พูด ทำแบบเดิมอีก
ฆ่าตัวตายเป็นบาป
     สาเหตุที่ทำให้คนคิดอยากฆ่าตัวตายมีอย่างน้อย 6 อย่าง คือ ภาวะซึมเศร้า, ป่วยจากโรคจิตเภท คือมีอาการประสาทหลอน, เป็นผลข้างเคียงมาจาการใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์, ต้องการความช่วยเหลือจากปัญหาที่ตัวเองมีอยู่ แต่ไม่รู้จักวิธีร้องขอ, มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ตัวเองสมควรตาย เพราะเข้าใจว่า ตัวเองเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง, ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
คุณอาจปฏิเสธการกระทำของคุณได้
แต่คุณไม่สามารถปฏิเสธผลจากการกระทำของคุณ
     คิดสั้น คือ คิดไม่ยาว แปลว่า ไม่คิดให้รอบคอบ ให้ตรงไปตามความเป็นจริง
     มองให้รอบ คือ มองทั้งผลดี ผลเสีย ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน สังคม ประเทศ โลก ฯลฯ 
ชีวิตจะสุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
     สิ่งที่คนเรามักลืมกันไปคือ.. 
     ร่างกายของเรา ได้มาจากคุณพ่อคุณแม่ ร่างกายนี้มีไว้ใช้สร้างความดีทุกรูปแบบ เมื่อทำความดี ผลดีไม่ได้เกิดเฉพาะตัวเอง แต่มีผล กิตติศัพท์ กิตติคุณ ไปถึงผู้ให้กำเนิดเรามา เช่นเดียวกับการทำความชั่ว

     และชาตินี้ที่ทำไม่ดี เช่น ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ก็เป็นผลพลอยร้ายมาจากชาติที่แล้วๆ ที่มักมีนิสัยแบบนี้ คิด พูด ทำแบบนี้ ถ้าไม่ยกใจตัวเองให้สูง ไม่ได้คบบัณฑิตนักปราชญ์ ได้ฝึกฝนตัวเองจนทำให้มีนิสัยที่ดี ก็พาลจะมีนิสัยคิดสั้นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ 

     ใครที่เคยคิดสั้น หรือกำลังคิด ก็ขอให้ตระหนักไว้ว่า เป็นสิ่งที่เราคงเคยคิด หรือเคยทำมาแล้ว ดังนั้น หยุดคิด และหันไปดูและตัวเอง และครอบครัวให้มากขึ้นจะดีกว่า อย่าปล่อยให้ฟุ้งซ่าน และเอาความคิดมาทำร้ายตัวเราเอง 
อุปสรรคและความพ่ายแพ้ ไม่เคยทำให้นักสู้ยอมแพ้
     ปรับปรุงความคิด คำพูด การกระทำของเรา อย่าปล่อยให้ “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ในเรื่องที่ไม่ดีเลย  

     ทุกปัญหามีทางแก้  เมื่อเราพบทางตัน ..ใช่ว่าจะไม่มีทางออก  
คน..มีศักยภาพมากกว่าที่คิด แต่ที่ทำไม่ได้ เพราะ..ปิดกั้นความคิดตัวเอง